"เครดิต สวิส" มองหุ้นไทยเป็นกลาง -โตระดับเดียวกับประเทศเกิดใหม่ มองธุรกิจสุขภาพ - ค้าปลีก สดใส ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ยกหุ้นฮ่องกง-ไต้หวัน-อินโดฯ โตเด่นสุด ส่วนเงินบาทคาดจะแข็งค่า 30 บ./ดอลล์
มร.เอ็ดวิน ตัน หัวหน้าฝ่ายบริหารความมั่งคั่งประจำประเทศไทย ส่วนธุรกิจไพรเวท แบงกิ้ง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครดิต สวิส เปิดเผยผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดือนมีนาคมที่ลดต่ำลง จากสภาพคล่องในประเทศ หลังจากรัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ประเทศ 4 ระยะตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงยกเลิกระยะเวลาเคอร์ฟิว
โดยเครดิต สวิส ยังคงมีมุมมองที่เป็นกลางต่อหุ้นไทย และคาดว่าจะมีการเติบโตในระดับเดียวกันกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่นๆ ในภูมิภาค แม้จะมีปัจจัยแรงปะทะในระยะใกล้ แต่มีมุมมองที่เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมบริการสุขภาพและการค้าปลีก เพราะมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีด้วยกำลังการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในเอเชีย คาดว่าหุ้นสิงคโปร์จะเติบโตในระดับเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค เครดิต สวิส มองว่าฮ่องกง ไต้หวัน และอินโดนีเซียจะเติบโตโดดเด่นที่สุด ขณะที่อินเดียและมาเลเซียเติบโตน้อยกว่า
นอกจากนี้ยังมีมุมมองที่เป็นกลางต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปรับลดการคาดการณ์เงินบาทไทยอยู่ที่ 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในอีก 3 เดือนข้างหน้า และที่ 30.0 ต่อดอลลาร์สหรัฐในอีก 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม จากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ไทยสูญเสียไปเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นการปรับดัชนีค่าเงินบาทจะขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่มีหน้าที่กำหนดนโยบายเป็นหลัก ในระยะสั้นที่ภาคการท่องเที่ยวน่าจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ เครดิต สวิส คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในระดับเดียวกับค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ ยังขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีน
ด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรก 2563 จบลงด้วยทิศทางในเชิงบวก โดยตลาดหุ้นยังมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี หลังจากแนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนหุ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการการลงทุนของเครดิต สวิส ตัดสินใจตั้งจุดทำกำไร (take profit) อย่างรอบคอบและปรับน้ำหนักหุ้นกลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม
โดยเครดิต สวิส เชื่อว่าปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายทางการเงินที่สำคัญและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยให้หุ้นมีอัพไซด์ (Upside) ที่สูงขึ้นสำหรับการซื้อขายระยะกลาง (medium term)
ด้านมร.จอห์น วูดส์ ประธานฝ่ายงานลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เครดิต สวิส เปิดเผยว่า ความผันผวนของตลาดที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผลมาจากความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ระลอกสองในจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนช่วงเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี เครดิต สวิส ยังคงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินเชื่อและสินค้าโภคภัณฑ์ และคาดว่าตลาดต่างๆ จะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคความกังวลดังกล่าวต่อไปได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ เครดิต สวิส มีมุมมองที่เป็นกลางต่อหุ้นสำหรับพอร์ตการลงทุน
ผลกระทบรุนแรงจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ตัวเลขจีดีพีโลกดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ดี กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยังอยู่ในระดับต่ำตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ และคาดว่าอัตราจีดีพีโลกประจำปีจะหดตัวลงร้อยละ 3.7 ในปีนี้ โดยจะปรับตัวกลับมาที่ร้อยละ 4.6 ในปี 2564
ความผันผวนของตลาดหุ้นโลกที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม จำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ใกล้จะถึงช่วงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2563 ซึ่งจะสะท้อนผลกระทบของมาตรการล็อคดาวน์ต่อเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบในระดับภูมิภาค เครดิต สวิส มองว่าเยอรมนี ออสเตรเลีย และสวิสเซอร์แลนด์จะเติบโตโดดเด่นกว่าประเทศอื่นๆ ในขณะที่ญี่ปุ่นจะเติบโตน้อยกว่า เมื่อเทียบภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก เครดิต สวิส มองว่าอุตสาหกรรมไอที บริการสุขภาพ (Healthcare) และพลังงานจะเติบโตโดดเด่นที่สุด ส่วนตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น (consumer staples) และกลุ่มบริการด้านการสื่อสารจะเติบโตน้อยกว่า
ส่วนตลาดหุ้นจีนจะเติบโตโดดเด่นกว่ากลุ่มตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาค โดยมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างต่อเนื่องและจะก้าวนำเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ซึ่งจะส่งผลให้การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่มีการปรับลดต่ำลงก่อนหน้ากลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง และกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สามารถรอดพ้นการหดตัวของผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2563
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่กลับมาประทุอีกครั้งยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของตลาดหุ้นจีน เครดิต สวิส มองว่า หากยังไม่มีการปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นอีก นักลงทุนก็จะปรับตัวและยอมรับสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้ และให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแทน
"น้ำหนัก" - Google News
July 20, 2020 at 12:21PM
https://ift.tt/32yFTAO
`เครดิต สวิส` ให้น้ำหนักหุ้นไทย`เป็นกลาง` ยกกลุ่มสุขภาพ-ค้าปลีก สดใส - efinanceThai
"น้ำหนัก" - Google News
https://ift.tt/2XSuS9P
Home To Blog
No comments:
Post a Comment