บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ นับว่ามีความหมายในวงการเมือง ตั้งการยุคโบราณถึงยุคปัจจุบัน
อย่างน้อยก็เหตุการณ์ “คดีการเมือง” ของฝ่าย “เสื้อแดง” ที่พลิกเกม-เปลี่ยนขั้วไปอยู่ในฝ่าย “พลังประชารัฐ” ก็ได้รับการปัดเป่า
กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในคดี “ยืมนาฬิกา” กลางฤดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในสมัยที่ผ่านมา ถูกปัดเป่าให้เบาราวขนนก นับว่าเป็นข้อพิสูจน์หนึ่งว่ามีการ “ทดแทนบุญคุณ” จากฝ่ายค้าน-ตรงกันข้าม
คดีของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ-พจมาน” เดินทางมาถึงตอนอวสาน แบบ “Happy Ending” ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความผิดตั้งแต่ปี 2547 ที่อัยการยื่นฟ้องด้วยเหตุ แห่งคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท
นับเป็นจังหวะก้าวที่เหมาะเจาะพอดี ระหว่างการถึงจุดจบของ “คดีโอ๊ค” ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2563 กับจังหวะก้าวสู่การเปิดตัว “กลุ่มการเมือง-พรรคใหม่” ของรุ่นใหญ่อดีตไทยรักไทย
เมื่ออัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท ทำให้คดีถือเป็นสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จุดจบแห่งคดี ทำให้ “ผู้ใหญ่” ฝ่ายเพื่อไทย และคนในตระกูล “ชินวัตร” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สลับกับจังหวะก้าวทางการเมืองที่สำคัญ ของเครือข่าย “ชินวัตร” อีกครั้ง
นักการเมือง “ในพรรคเพื่อไทย” สนทนากับในที่ลับ-สลับที่แจ้ง ด้วยเนื้อหาทำนองเดียวกันว่า แรงผลักดันและตัวเร่ง ที่เป็นปัจจัยสำคัญให้เกิด “กลุ่มแคร์” เคลื่อนประเด็นการเมือง คู่ขนานปัญหาสะสมในเพื่อไทย ยากที่จะสะสาง
แต่จู่ๆ ไม่มีปี-มีขลุ่ย เมื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องออกแถลงการณ์ที่เขียน-ร่างโดย 1 ใน 4 แกนนำกลุ่มการเมืองใหม่ ระบุว่า “ไม่ร่วมรัฐบาล”
นักการเมืองรุ่นใหญ่อดีตไทยรักไทยรายหนึ่ง ตั้งข้อสังเกตุของการ “เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว” นัดประชุมสัปดาห์ เว้นสัปดาห์ของ “กลุ่มแคร์” ว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า แกนนำในการเคลื่อนไหวรู้หรือจับทิศทางได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในเพื่อไทย?
หนึ่งในข้อสังเกตุ มีน้ำหนัก คือ ความเคลื่อนไหว เจรจาจากนักการเมืองรุ่นใหญ่อดีตเพื่อไทย ในพรรคพลังประชารัฐ มีการต่อสายดึงตัว ส.ส.ของเพื่อไทย ร่วมพรรค-ร่วมรัฐบาล
ที่มากไปกว่านั้น คือ การเจรจากับบุคคลที่อยู่เหนือแกนนำของพรรคเพื่อไทย ให้เตรียมท่าทีเข้าร่วมเป็นอะไหล่-บริการเสริมให้รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ทั้งในฝ่ายรัฐบาลและในฝ่ายนิติบัญญัติ
ทั้งในแบบชั่วคราว หรือแบบถาวร
ขณะที่แกนการเมืองสาย “ชินวัตร” ทุกสาขา มุ่งหน้าสู่ “กลุ่มแคร์” ภายใต้หัวขบวน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ,นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี,นายภูมิธรรม เวชยชัย และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล เสริมแกร่งด้วยการออกบัตรเชิญ ของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” บางส่วน
และการช่วยเรียกแขกของคำสัมภาษณ์ข้ามขอบฟ้า มาจากกรุงลอนดอน ของ “ทักษิณ” คู่ขนานการเปิดหน้าด้วย “4ทหารเสือ”
เร่งเร้าเปิดแพล็ตฟอร์ม-เปิดประเด็น-เปิดตัว ในวันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563
คู่ขนานกับเกม-เดินหน้าชนยึดพรรคพลังประชารัฐ ของทีมบิ๊กป้อม กระทบชิ่งให้เกิดการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” รื้อโควต้าใหม่ ให้เร็วที่สุด
หวังใช้เวลา 45 วันตามข้อบังคับพรรคเผด็จศึก ยึดทั้งพรรค-ยึดทั้งแกนนำรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวของเครือข่าย “ชินวัตร” ในนามของ “กลุ่มแคร์” เกมยึดพรรคพลังประชารัฐ ของฝ่าย “บิ๊กป้อม” การถอด-รื้อโควต้าและโครงสร้างอำนาจในคะณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์2/2” ล้วนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
คงอีกนาน กว่าการ “ร่วมรัฐบาล” ของฝ่ายเพื่อไทย กับฝ่ายพลังประชารัฐ จะก่อรูป-ขึ้นเค้าโครงที่ชัดเจน
รวมทั้งข่าวลือ-ข่าวปล่อยพีคถึงระดับ “นำทักษิณกลับบ้าน” ยังคงบางเบา-ลอยอวลอยู่ในอากาศ
เกมการเมืองทั้ง 2 ขั้วอำนาจ ยังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าภายใต้ สำนวน 3 ก๊ก “บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ”
"น้ำหนัก" - Google News
June 05, 2020 at 02:58PM
https://ift.tt/30b1Dll
พรรคเพื่อไทย-ชินวัตร : เหตุผล น้ำหนักการร่วมรัฐบาล พลังประชารัฐ? - ประชาชาติธุรกิจ
"น้ำหนัก" - Google News
https://ift.tt/2XSuS9P
Home To Blog
No comments:
Post a Comment